บนโลกนี้กว้างใหญ่ และมีสถานที่สวยๆอยู่เยอะมาก ดังเช่น 10 เมืองสวยทั่วโลกที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ เป็นเมืองที่ทั้งสวยงามราวกับว่าไม่มีจริงบนโลก โรแมนติก และล้อมรอบไปด้วยวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม จนอยากจะย้ายบ้านไปอยู่ซะตอนนี้กันเลย ยิ่งช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุม ยิ่งสวยราวกับเทพนิยายเลยทีเดียว
สารบัญเนื้อหา
1. ปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก
ปรากเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กที่มีเสน่ห์ตรงอาคารบ้านเรือนเป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างหลายยุคหลายสมัย จนได้รับการยอมรับจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก ยิ่งช่วงหน้าหนาวในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ หลังคาบ้านทุกเรือนจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ บวกกับสีสันโทนอุ่นของบ้านเมือง และโคมไฟที่ส่องสว่างตรงท้องถนน ยิ่งทำให้ปรากกลายเป็นเมืองที่โรแมนติกและเหมือนเทพนิยายมากขึ้นไปอีก
2. ฮัลสตัทท์ ประเทศออสเตรีย
ฮัลสตัทท์เป็นเมืองเล็กๆติดทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก แถมยังสวยทุกฤดูอีกด้วย ถ้าไปช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เราจะได้เห็นทิวทัศน์เขียวขจี และท้องฟ้าที่สดใส ช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงใบไม้ผลัดเปลี่ยนสี เราก็จะได้เห็นต้นไม้รอบเมืองเปลี่ยนสีเป็นสีแดง สีส้ม สีน้ำตาล มองดูแล้วอบอุ่น ส่วนถ้าไปช่วงหน้าหนาวก็จะเห็นภาพหมู่บ้านปกคลุมไปด้วยหิมะ และมีบรรยากาศของงานคริสต์มาส และไฮไลท์เด็ดเมื่อมาถึงฮัลสตัทท์ นั่นก็คือ วิวโบสถ์ Evangelische Pfarrkirche Hallstatt ที่สวยงามราวกับเป็นเมืองเทพนิยายจริงๆ
3. เบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์
สำหรับเมืองเบอร์เกนนี้เป็นเมืองที่สวยงามจนเป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังเรื่อง Frozen กันเลย ไฮไลท์เมืองนี้อยู่ที่ Bryggen ย่านท่าเรือเก่า ซึ่งเป็นอาคารสีสันสดใสเรียงรายตามถนนขนานไปกับริมน้ำ โดยมีภูเขา Mount Fløyen และ Mount Ulriken เป็นฉากหลัง ยิ่งช่วงหน้าหนาวที่มีหิมะตกโปรยปราย ยิ่งสวยและโรแมนติกเหมือนฉากในนิทานมากๆ
4. มานาโรล่า ประเทศอิตาลี
มานาโรล่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาทางตะวันตกของอิตาลี และยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองมรดกโลกด้วย เสน่ห์ของมานาโรล่าคือบ้านเรือนที่ปลูกตามไหล่เขา ทาด้วยสีสันสดใส ตัดกับสีฟ้าของทะเลอันกว้างใหญ่ด้านล่าง นักท่องเที่ยวนิยมมาชมความงดงามของเมือง เดินป่า ขึ้นเขา และเยี่ยมชมไร่องุ่น
5. สตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
สตราสบูร์กเป็นเมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนยุคกลางที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู โดยเฉพาะฤดูหนาวที่ทั่วทั้งเมืองจะตกแต่งด้วยแสงสีและเครื่องประดับคริสต์มาส เนรมิตให้เมืองสตราสบูร์กดูอบอุ่นและสวยงามเป็นอย่างมาก
6. เบล็ด ประเทศสโลวีเนีย
เบล็ดตั้งอยู่กลางทะเลสาป รายล้อมด้วยหุบเขาจูเลียนแอลป์ ล้อมรอบด้วยภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองที่เงียบสงบและโรแมนติก มีโบสถ์ชื่อดังตั้งอยู่บนเกาะ ที่มีเรื่องเล่ากันว่าหากคู่สมรสคู่ใดได้มาโยกระฆังในโบสถ์จะมีชีวิตคู่ยืนยาว ด้วยเรื่องเล่าและบรรยากาศโดยรอบแบบนี้ ยิ่งส่งให้เมืองเบล็ดเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดในโลก และทำให้ใครๆก็อยากมาเยือนเมืองน่ารักแห่งนี้
7. เซอร์แม็ต ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เซอร์แม็ต เมืองเล็กน่ารักที่บรรยากาศดีมาก โอบล้อมด้วยภูเขา Matterhorn และป่าสน สิ่งก่อสร้างของเขายังคงไว้รูปแบบเดิม ส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ มีซอยเล็กๆให้เดินลัดเลาะมากมาย และเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูงมาก สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ ใครอยากมาเยี่ยมชมเมืองสวยเทพนิยายนี้ต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้ดีๆหน่อย เพราะที่นี่อากาศหนาวมากถึงขั้น -10 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว
8. ยอร์ค ประเทศอังกฤษ
เมืองยอร์คเป็นแรงบันดาลใจของตรอกไดแอกอน ในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Harry Potter เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโบราณ และร้านค้าแสนน่ารัก ด้วยความที่ยอร์คก่อตั้งโดยอาณาจักรโรมันตั้งแต่ปี ค.ศ.71 ภายในเมืองจึงยังปรากฏให้เห็นร่องร่อยประวัติศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหาร York Minster, หอคอย Clifford’s Tower และ The Shambles
9. นูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี
ในนิทานที่มีฉากเทศกาลคริสต์มาส มันช่างดูสวยงามและมีชีวิตชีวามาก บนโลกนี้ก็มีเหมือนนิทานเช่นกัน ซึ่งที่นั่นก็คือเมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เมืองแห่งนี้ก็จะประดับประดาไฟ และของตกแต่งเต็มไปหมด รวมถึงมีตลาดคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย ทั้งของที่ระลึก ขายขนม ขายอาหาร บรรยากาศก็ดูอบอุ่น และน่าไปเยือนมากที่สุด
10. โรวานีมี ประเทศฟินแลนด์
ที่เมืองแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาวเราจะได้พบกับคุณลุงซานต้า เพราะเป็นบ้านเกิดของซานตาครอสนั่นเอง เราก็จะได้เข้าไปชมบ้านของคุณลุงซานต้าและที่ทำงานการจัดของขวัญของเขา อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ของเล่นน่ารักๆให้ไปชม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่พัก แถมยังมีกิจกรรมสนุกๆให้เล่นอย่างนั่งรถลากเลื่อนสุนัข และรถลากเลื่อนด้วยกวางเรนเดียร์อีกด้วย